แนวคิด ทฤษฏี
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
หลักการและทฤษฎีทางจิตวิทยาการศึกษา
ทฤษฎีการเรียนรู้ที่เป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีการศึกษานั้นเป็นทฤษฎีที่ได้จาก 2กลุ่ม คือ
1. กลุ่มพฤติกรรม (Behaviorism)
2. กลุ่มความรู้ (Cognitive)
ทฤษฎีจากกลุ่มพฤติกรรมนิยม
นักจิตวิทยาการศึกษากลุ่มนี้ เช่น chafe Watson Pavlov,
Thorndike , Skinnerซึ่งทฤษฎีของนักจิตวิทยากลุ่มนี้มีหลายทฤษฎี เช่น
ทฤษฎีการวางเงื่อนไข (Conditioning Theory)
ทฤษฎีความสัมพันธ์ต่อเนื่อง (Connectionism Theory)
ทฤษฎีการเสริมแรง (Stimulus-Response Theory)
ทฤษฎีการวางเงื่อนไข (Conditioning Theory)
เจ้าของทฤษฎีนี้คือพอฟลอบ (Pavlov)กล่าวไว้ว่า ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างใดอย่างหนึ่งของร่างกายของคนไม่ได้มาจากสิ่งเร้าอย่างใดอย่างหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียว
สิ่งเร้านั้นก็อาจจะทำให้เกิดการตอบสนองเช่นนั้นได้
ถ้าหากมีการวางเงื่อนไขที่ถูกต้องเหมาะสม ทฤษฎีความสัมพันธ์ต่อเนื่อง
(Connectionism Theory) เจ้าของทฤษฎีนี้ คือ ธอร์นไดค์ (Thorndike)ซึ่งกล่าวไว้ว่า
สิ่งเร้าหนึ่ง ๆ ย่อมทำให้เกิดการตอบสนองหลาย ๆ อย่าง
จนพบสิ่งที่ตอบสนองที่ดีที่สุด เขาได้ค้นพบกฎการเรียนรู้ที่สำคัญคือ
1. กฎแห่งการผล (Law of Effect)
2. กฎแห่งการฝึกหัด (Law of Exercise)
3. กฎแห่งความพร้อม (Law of Readiness)
ทฤษฎีการวางเงื่อนไข/ทฤษฎีการเสริมแรง (S-R Theory หรือ Operant
Conditioning) เจ้าของทฤษฎีนี้คือ สกินเนอร์(Skinner) กล่าวว่า
ปฏิกิริยาตอบสนองหนึ่งอาจไม่ใช่เนื่องมาจากสิ่งเร้าสิ่งเดียว สิ่งเร้านั้นๆ
ก็คงจะทำให้เกิดการตอบสนองเช่นเดียวกันได้ ถ้าได้แนวคิดของสกินเนอร์นั้น
นำมาใช้ในการสอนแบบสำเร็จรูป หรือการสอนแบบโปรแกรม (Program Inattention) สกินเนอร์เป็นผู้คิดบทเรียนโปรแกรมเป็นคนแรก
คาร์เพนเตอร์ และเดล(C.R. Carpenter and Edgar Dale)ได้ประมวลหลักการและทฤษฏีเทคโนโลยีทางการศึกษาในลักษณะของการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
คือ หลักการจูงใจ สื่อเทคโนโลยีทางการศึกษาจะมีพลังจูงใจที่สำคัญในกิจกรรมการเรียนการ
สอน เพราะเป็นสิ่งที่สามารถผลักดัน
ส่งเสริมและเพิ่มพูนกระบวนการจูงใจที่มีอิทธิพลต่อพลังความสนใจ ความต้องการ
ความปรารถนา และความคาดหวังของผู้เรียนที่จะศึกษา การพัฒนามโนทัศน์
(Concept) ส่วนบุคคล วัสดุการเรียนการสอนจะช่วยส่งเสริมความ คิด
ความเข้าใจแก่ผู้เรียนแต่ละคน ดังนั้นการเลือก
การผลิตและการใช้วัสดุการเรียนการสอน
ควรจะต้องสัมพันธ์กับความสามารถของผู้สอนและผู้เรียน กระบวนการเลือกและการสอนด้วยสื่อเทคโนโลยี ความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิบัติเกี่ยวกับสื่อจะเป็นแบบลูกโซ่ในกระบวนการเรียนการสอน
การจัดระเบียบประสบการณ์เทคโนโลยีทางการศึกษา ผู้เรียนจะเรียนได้ดีจากสื่อ
เทคโนโลยีที่จัดระเบียบเป็นระบบ การมีส่วนรวมและการปฏิบัติ ผู้เรียนต้องการมีส่วนร่วม และการปฏิบัติด้วยตนเองมากที่สุด การฝึกซ้ำและการเปลี่ยนแปลงสิ่งเร้าบ่อยๆอัตราการเสนอสื่อ
ในการเรียนการสอนอัตราหรือช่วงเวลาการเสนอข้อความรู้ต่างๆ
จะต้องมีความสอดคล้องกับความสามารถอัตราการเรียนรู้และ
ประสบการณ์ของผู้เรียนความชัดเจนความสอดคล้องและ
ความเป็นผลการถ่ายโยงที่ดีโดยที่การเรียนรู้แบบเก่าไม่อาจถ่ายทอดไปสู่การเรียนรู้ใหม่ได้อย่าง
อัตโนมัติ
จึงควรจะต้องสอนแบบถ่ายโยงเพราะผู้เรียนต้องการแนะนำ
ในการปฏิบัติและเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้นั้นที่เป็นประโยชน์ต่อการนำไปใช้ในสถานการณ์จริง
การให้รู้ผล การเรียนรู้จะดีขึ้น ส่วนบูเกสสกี
(Bugelski) ได้สนับสนุนว่า
การเรียนรู้จะเป็นผลจากการกระทำของผู้เรียนไม่ใช้กระบวนการถ่ายทอดของผู้สอน
เพื่อผู้เรียนจะได้เชื่อมโยงความรู้ใหม่ได้สะดวกซึ่งหมายถึงว่า
เทคโนโลยีทางการศึกษาจะเป็นตัวการประสานความรู้โดยตรงแก่ผู้เรียน
หลักการและทฤษฎีที่เกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการ
ศึกษายังต้องอาศัยวิธีการที่สำคัญ คือ วิธีการเชิงมนุษยวิทยา(Humunistic
Approach) ได้แก่
การที่ครูให้ความสนใจต่อการพัฒนาในด้านความเจริญเติบโตของ
ผู้เรียนแต่ละคน วิธีการสอนเชิงระบบ (Systematic
Approach) ได้แก่
การจัดการเรียนการสอน โดยอาศัยวิธีระบบ
ทั้งเพราะการเรียนการสอนเป็นการถ่ายทอดศิลปะ วัฒนธรรม
ความรับผิดชอบต่อสังคมในลักษณะของการเข้าใจเนื้อหาวิชาจิตวิทยาการเรียนรู้
การเรียนรู้ หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนพฤติกรรม
กิจกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก และสามารถสังเกตและวัดได้
การศึกษากระบวนการเรียนรู้จึงต้องศึกษาเรื่องของพฤติกรรมมนุษย์
เปลี่ยนไปในลักษณะที่พึงประสงค์ ธรรมชาติของการเรียนรู้ คือ
ความต้องการของผู้เรียน (Want
สิ่งเร้าที่น่าสนใจ (Stimulus)
การตอบสนอง (Response)
การได้รับรางวัล (Reward)
ลำดับขั้นของการเรียนรู้ ในกระบวนการเรียนรู้ของคนเรานั้น
จะประกอบด้วยลำดับขั้นตอนพื้นฐานที่สำคัญ 3 ขั้นตอนด้วยกัน
คือ
(1) ประสบการณ์
(2) ความเข้าใจ
(3) ความนึกคิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น